เป็นคู่แท้ถึงชาติหน้า ตามหลักการ 4 ส โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

พระพุทธเจ้าทรงให้แนวทางไว้ว่า คู่รักหรือสามีภรรย า

จะต้องปฏิบัติตามหลักการ “4 ส” นี้

1. มีศรัทธาสมกัน

คือ เคารพนับถือในลัทธิศาสนา สิ่งเคารพบูชา มีแนวความคิด

ความเชื่อถือ ความสนใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างเดียวกัน

(มีรสนิยมใกล้เคียงกัน เช่น อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์แนวเดียวกัน

ชอบธรรมชาติเหมือนกัน โดยสรุปคือมีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน)

นอกจากนี้ยังต้องมีความหนักแน่นเสมอกัน ปรับตัวเข้าหากันได้

ยอมลงให้กันได้ในเรื่องศาสนา อุดมคติ หรือรสนิยมทางจิตวิญญาณ

2. มีศีลสมกัน

คือ มีความประพฤติ มีศีลธรรม จรรยามารย าทพอเหมาะ

สอดคล้องไปกันได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีพื้นฐานการศึกษา

อบรมใกล้เคียงกัน หรืออยู่ในระดับเดียวกัน

3. มีจาคะสมกัน

คือ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีใจกว้าง เสียสละ

และพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นในระดับที่เสมอกัน

มีความเห็นกลมกลืน ไม่ขัดแย้ง

4. มีปัญญาสมกัน

คือ ใช้ปัญญาเป็นเข็ มทิศในการครองคู่ ไม่ใช้อารมณ์หรือความถือ

ตนเป็นศูนย์กลางมาเป็นบรรทัดฐ านในการใช้ชีวิตคู่

จะตัดสินใจอะไรต้องปรึกษาหารือกันด้วยเหตุผล

มีความเข้าอกเข้าใจและถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

..นอกจากหลักการ “4 ส” แล้ว ยังมี

“ข้อปฏิบัติพิเศษสำหรับสามีที่พึงมีต่อภรรย า”

ด้วยเหตุที่ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนโยน ละมุนละไม

และมีรายละเอียดทางสรีระวิทย ามากกว่าผู้ชาย

สามีที่ดีหรือคนที่จะเป็นคู่แท้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง

เข้าใจข้อจำกัดของภรรย า และควรปฏิบัติต่อ

ข้อจำกัดเหล่านี้ให้ถูกต้องด้วย กล่าวคือ

1. ผู้หญิงต้องจากญาติพี่น้อง จากความเป็นอยู่เก่า ๆ

ที่คุ้นเคยมาอยู่กับสามี สามีจึงควรให้ความอบอุ่นใจ

(เหมือนกับที่เธอได้รับเมื่อครั้งอยู่กับบิดามารดา)

2. เวลาผู้หญิงมีรอบเดือน จะเกิดความแปรปรวนทั้งกายและใจ

สามีควรเข้าใจอย่างลึกซึ้งและรู้จักปรับตัว

3. ในยามที่ผู้หญิงมีครรภ์

เธอต้องการความรักความเอา ใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจเป็นพิเศษ

สามีต้องให้ความสนใจแก่ภรรย าเป็นทวีคูณ

4. ผู้หญิงที่คลอดบุตรต้องเจ็ บปวดทุกข์แสนสาหัสและเสี่ยงชีวิต

สามีควรใส่ใจทุกข์ของภรรยาในเวลานี้ เสมือนเป็นทุกข์ของตน

(สุข – สุขด้วย ทุกข์ – ทุกข์ด้วย มีสุขร่วมเสพ มีทุกร่วมต้าน)

5. ผู้หญิงต้องคอยปรนเป รอเอาใจฝ่ายชาย ดังนั้นสามี

ไม่ควรเอาแต่ใจตัว พึงซาบซึ้งในความเ อื้อเฟื้อ

และมีน้ำใจตอบแทนต่อภรรย าไม่น้อยไปกว่ากัน

หากต่างฝ่ายต่างเกื้อกูลกัน ด้วยดีดังกล่าวมานี้แล้ว

แม้ไม่ได้ตั้งความหวังว่า จะต้องพบกันทุกภพชาติ

แต่ความดีงามที่ทำต่อกันไว้ จะเป็นตัวจัดสรรให้พบกันโดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่า “ดีดูดดี” และ”เล วดูดเล ว”

เมื่อภูมิชั้นของคุณธรรม และระดับสติปัญญามีความสอดคล้องกัน

ธรรมชาติจะจัดสรรให้การพบ กันทุกภพชาติของคู่แท้นั้นดำเนินต่อไป

หรืออาจกล่าวได้ว่า ธรรมชาติเขา “จัดให้” นั่นเอง

โดย ท่าน ว.วชิรเมธี